ร้านมอส
เป็นผู้ผลิต จัดจำหน่ายผ้ายืดทุกชนิด พร้อมปกแขน และหล่อบุ้ง รับสั่งทอตามออร์เดอร์ทุกชนิด ราคาย่อมเยาว์ ผ้ามีคุณภาพ ทางโรงงานของเรามีกำลังในการผลิตจำนวนมาก มีทีมงานผู้เชี่ยวชาญ สินค้าของเราได้รับการตรวจสอบคุณภาพโดยละเอียดก่อนถึงมือลูกค้า เรามุ่งเน้นให้ลูกค้าได้รับสินค้าที่ดีที่สุด คุ้มค่า ตรงตามความต้องการ และพึงพอใจในการบริการของเรา
ผ้าฝ้าย (Cotton)
ผ้าฝ้าย หรือ Cotton 100% ที่นำมาผลิตเสื้อยืดสามารถแบ่งตามเบอร์เส้นด้าย โดยทั่วไปได้ 3 เบอร์ คือ 20, 32 และ 40 ตามลำดับ โดย Cotton 100% เบอร์ 20 จะมีเนื้อผ้าหนากว่า Cotton 100% เบอร์ 32 เนื่องจากขนาดเส้นด้ายที่ใหญ่กว่า
การแบ่งเกรดผ้า Cotton
โดยคุณภาพของ Cotton 100% ในท้องตลาดแบ่งออกได้ดังนี้
1.แบ่งตามชนิดของเบอร์ผ้า หลักๆที่โรงงานแบ่งจะมี 3 ประเภท คือ เบอร์ 20, เบอร์ 32 และ เบอร์ 40 โดยผ้าเบอร์ 40 จะเป็นผ้าที่มีคุณภาพดีที่สุด
2.แบ่งตามกระบวนการผลิต
อีกรูปแบบที่ตลาดทั่วไปมักนิยมใช้แบ่งเกรดผ้า โดยแบ่งดังนี้
1.แบ่งตามชนิดของเบอร์ผ้า หลักๆที่โรงงานแบ่งจะมี 3 ประเภท คือ เบอร์ 20, เบอร์ 32 และ เบอร์ 40 โดยผ้าเบอร์ 40 จะเป็นผ้าที่มีคุณภาพดีที่สุด
2.แบ่งตามกระบวนการผลิต
- Cotton OE โออี
- Cotton Semi เซมิ
- Cotton Combed คอมบ์
อีกรูปแบบที่ตลาดทั่วไปมักนิยมใช้แบ่งเกรดผ้า โดยแบ่งดังนี้
- ผ้า Cotton 100%
- ผ้า Cotton ผสม Polyesters
ความแตกต่างของเนื้อผ้าทั้ง 2 ชนิด (Cotton 100% กับ Cotton ผสม Polyesters)
Cotton 100% เป็นส่วนผสมจากธรรมชาติ จึงไม่ระคายเคือง ติดไฟตามคุณสมบัติของ cotton ไม่ลามขี้เถ้าจะไม่เกาะตัวกันเป็นก้อน ไม่สามารถใช้เทคนิคแบบรีดซึมได้เนื้อผ้ามีความคงตัวสูง (ยับง่ายกว่าใยสังเคราะห์) เนื้อผ้ามีการหดตัวมาก หรือน้อยขึ้นอยู่กับเทคนิคการทอ ซึ่งการทอที่ดีต้องควบคุมให้การหดตัวของผ้าอยู่ในระดับต่ำ และ ความคุมได้อย่างสม่ำเสมอ สามารถถ่ายเทอากาศได้ดีเมื่อเทียบกับชนิดที่ผสมใยสังเคราะห์
ความแตกต่างของเนื้อผ้าทั้ง 2 ชนิด (Cotton 100% กับ Cotton ผสม Polyesters)
Cotton ผสม Polyesters มีส่วนผสมจากสิ่งสังเคราะห์ ไม่เหมาะกับบางงานที่ต้องการความปลอดภัย ติดไฟง่าย และไหม้ไฟตามคุณสมบัติของ polyesters สามารถใช้เทคนิคการพิมพ์ภาพแบบรีดซีมได้ เนื้อผ้าที่ผสมใยสังเคราะห์จะคืนตัวไว (ไม่ยับง่าย) การหดตัวต่ำกว่าชนิด COTTON 100% เนื่องจากโครงสร้างของใยผ้าถูกตรึงไว้ด้วย polyesters ทำให้การหดตัวไม่มาก มีการถ่ายเทอากาศไม่ดี
Cotton ที่นิยมนำมาใช้ทำเสื้อยือและเสื้อโปโล
ในราคาระดับปานกลางถึงสูง คือ
- Cotton 100% เบอร์ 20 (เสื้อยืดสำหรับผู้ชาย)
- Cotton 100% เบอร์ 32 (เสื้อยืดสำหรับผู้หญิง)
- Cotton 100% เบอร์ 40 (มักจะนำมาทำเสื้อผ้าสำหรับเด็กอ่อน หรือเสื้อที่เน้นความบางเป็นพิเศษ และเสื้อยืดแบรนด์เนมบางรุ่นเบอร์ที่สูงกว่า 40 จะเป็นเสื้อยืดที่ต้องสั่งทอขึ้นเป็นพิเศษ)
ประเภทเนื้อผ้าที่ใช้ผลิตเสื้อยืด ประเภทที่ 1
เนื้อผ้าที่ทำมาจากเส้นใยธรรมชาติ หรือ ผ้าฝ้าย นั่นคือทำมาจากผ้าฝ้าย 100 % (Cotton 100%) นั่นเอง เนื้อผ้าประเภทนี้จะให้ความรู้สึกในการสวมใส่สบาย เนื้อผ้านุ่มเนียน ระบายอากาศดี ไม่อมเหงื่อแม้อยู่กลางแจ้ง ซึ่งเป็นข้อดีของเนื้อผ้าชนิดนี้ โดยราคาจะแปรตามเกรดของเนื้อผ้า ส่วนข้อเสียเวลารีดต้องออกแรงมากกว่าผ้าชนิดอื่นรวมถึงเมื่อซักไปนาน ๆ ผ้าจะเริ่มยืด และย้วยง่ายกว่าผ้าชนิดอื่น
ประเภทเนื้อผ้าที่ใช้ผลิตเสื้อยืด ประเภทที่ 2
เป็นเนื้อผ้าผสมระหว่างเส้นใยธรรมชาติ และเส้นใยสังเคราะห์ (ตัวย่อว่า TC ,CVC, CTC ขึ้นกับเปอร์เซ็นต์การผสมของเส้นด้าย) เนื่องจากกระบวนการผลิตผ้าใยสังเคราะห์นั้นเป็นผลพลอยได้มาจากการกลั่นน้ำมันในอุตสหกรรมปิโตรเคมี ซึ่งสามารถควบคุมขั้นตอนการผลิตในเชิงปริมาณได้ ต่างกับผ้าเส้นใยธรรมชาติ และกระบวนการในการผลิตเส้นด้ายจากฝ้ายมีความละเอียดและซับซ้อน จึงทำให้ต้นทุนของผ้า cotton 100 % สูงกว่า
จุดเด่นของผ้าผสมระหว่างเส้นใยธรรมชาติ และเส้นใยสังเคราะห์
จุดเด่นของผ้าเนื้อผสมคือเรื่องการควบคุมการยืดของผ้าจะทำได้ดีกว่า cotton 100 % แต่ข้อเสียคือจะระบายอากาศไม่ดีเท่า cotton 100 % แต่ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ระดับปานกลาง เส้นด้ายที่นิยมนำมาทอผ้า TC คือเบอร์ 20, 32 และ 40 เสื้อยืดที่ผลิตจากผ้าประเภทนี้ ราคาอยู่ในระดับปานกลาง โดยขึ้นกับเบอร์ผ้า และ % ของการผสมกันระหว่างเส้นใย Cotton 100% และเส้นใยสังเคราะห์
เปอร์เซ็นต์การผสมของผ้า TC
เปอร์เซ็นต์การผสมของผ้า TC ระหว่าง Polyester และ Cotton จะอยู่ที่อัตราส่วน 65% ต่อ 35% และสำหรับเนื้อผ้าผสม CVC จะอยู่ที่ Cotton 70-85% ต่อ Polyester 15-30% ส่วน CTC จะใช้ cotton 70% และเส้นใยสังเคราะห์ 30%
ประเภทเนื้อผ้าที่ใช้ผลิตเสื้อยืด ประเภทที่ 3
เนื้อผ้าใยสังเคราะห์หรือโพลีเอสเตอร์ (ใช้ตัวย่อว่า TK) วัตถุดิบที่นำมาทำผ้าเส้นใยสังเคราะห์ได้มาจากปิโตรเคมี เสื้อยืดที่ทำจากเนื้อผ้าประเภทนี้จะมีราคาถูกที่สุด ข้อดีคือมีความคงสภาพอยู่ทรง ไม่หดไม่ย้วย เนื้อผ้าจะมีความมัน แต่ข้อเสียคือระบายอากาศได้น้อยมาก โดยเฉพาะคนที่เหงื่อออกง่ายจะยิ่งชุ่มไปด้วยเหงื่อ เนื่องจากเนื้อผ้าดูดซับเหงื่อได้น้อย และเมื่อใส่ไปนาน ๆ (ซักบ่อย ๆ ) เสื้อผ้าจะขึ้นขุย